เอสเธอร์เป็นคนต่างชาติ ในพระราชสำนัก นางเป็นยิว ชาวยิวได้ถูกโจมตี อย่างหนักในสมัยนั้น
จะต้องมีคนตายอย่างมากมายเว้นแต่พระเจ้าจะเข้าไปขัดขวาง เอสเธอร์อาจหดหู่ใจมากและพ่ายแพ้ในที่สุด
แต่แทนที่นางจะยอมให้ศัตรูโจมตี นางได้ก้าวพ้นแรงบีบคั้นและพยายามทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
นางได้ปลดปล่อยวิญญาณแห่งชัยชนะและความโปรดปรานซึ่งทำให้พระราชาได้สวมมงกุฎศรีษะของเธอ
ให้เธอเป็นราชินี
ถึงกระนั้นแผนการข่มเหงชนชาติของนางก็ยังคงมีอยู่ต่อไป ชีวิตของนางอาจจะถูกฆ่าตายพร้อมยิวคนอื่นๆ
แต่นางก็ปฏิเสธที่จะฟังศัตรู ผู้ซึ่งพยายามทำให้สถานการณ์และความคิดเป็นปฏิปักษ์กับนาง
นางได้ก้าวข้ามปัญหาไป นางได้ภาวนาให้พระราชาโปรดปรานนาง
พระราชาเองก็ได้ให้ความโปรดปรานและให้พระพรแก่นางเป็นพิเศษ ประชากรของนางได้รับการช่วยเหลือ
และศัตรูของชาวยิวก็ได้ถูกทำลาย......
คนรอบข้างท่านต้องการความช่วยเหลือ ครอบครัวของท่านต้องการความช่วยเหลือ
ท่านเป็นผู้ปลดปล่อยพวกเขาผ่านทางพระเยซูคริสต์ ละสายตาจากความสามารถของตัวท่านเอง
ให้พึ่งพาความสามารถของพระเจ้า มีชีวิตอยู่อย่างผู้เชื่อ ....
ตั้งแต่วันนี้ไป.... ก้าวต่อไปข้างหน้าด้วยกำลังของท่านที่มาจากพระองค์....
อันที่จริง....ท่านสามารถนำสิ่งดีออกมาจากสถานการณ์ที่เลวได้
โดยความเชื่อและโดยวิญญาณแห่งชัยชนะและความโปรดปรานซึ่งทำงานอยู่ภายในตัวท่านและสำหรับตัวท่านเอง
สลัดความคิด..ลบออกจากความคิด ท่านกำลังเรียนรู้ที่จะเคลื่อนไปกับกฎแห่งความสำเร็จและความโปรดปราน
นี่เป็นการเริ่มต้นชีวิตที่เป็นรักแท้ในพระเจ้า..
พี่น้องที่รัก....ท่านก็เป็นคนหนึ่งที่กำลังปลดปล่อยผู้อื่นผ่านทางพระเยซูคริสต์
......อย่าท้อเลย...เพราะความเชื่อของท่านจะพาคนอีกเป็นอันมาก .....รอดในพระนามพระเยซูคริสต์
.....ท่านเป็นบุตรที่ถูกเลือกสรรแล้วโดยพระเจ้า พระองค์เลือกท่าน...!!!
น้ำตาที่เสียไปเพราะการทนทุกข์ ไม่ได้เสียไปโดยเปล่าประโยชน์ ทุกหยดมีค่าต่อคนเป็นอันมาก
และต่อท่านเอง และน้ำตานั้น..จะถูกแปรเปลี่ยนเป็นความชื่นชมยินดี...ในที่สุด โดยพระนามพระเยซูคริสต์
พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ของเรา ....
พระเจ้ารักคุณมากนะคะ...สู้ๆ
จงชื่นชมยินดีเถิด.. .....